สาเหตุการปรับค่า Ft 95.81 สตางค์ต่อหน่วย |
|
(เดือน พฤษภาคม 2554 - สิงหาคม 2554) |
1.
ความเป็นมา
การปรับค่าไฟฟ้าตามสูตรการปรับอัตราค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ (ค่า Ft) เป็นกลไกที่ใช้ในการกำหนดอัตราค่าไฟฟ้าให้สะท้อนกับภาวะต้นทุนที่การไฟฟ้าไม่สามารถควบคุมได้ โดยเฉพาะค่าเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตไฟฟ้า รวมถึงค่าใช้จ่ายตามนโยบายของรัฐ สำหรับค่า Ft ในงวดนี้ี้ มีผลกระทบจากค่าเชื้อเพลิงและค่าซื้อไฟฟ้าที่เพิ่มสูงขึ้น ตลอดจนความต้องการไฟฟ้าที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น จึงมีผลทำให้ค่า Ft ในงวดนี้เพิ่มสูงขึ้นจากงวดที่ผ่านมา
การพิจารณาผลการประมาณการค่าไฟฟ้าตามสูตรการปรับอัตราค่า Ft ในแต่ละงวดนั้น กกพ. ได้คำนึงถึงความถูกต้องและความเหมาะสมตามสูตรการปรับอัตราค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ Ft ตลอดจนผลกระทบต่อประชาชน ตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2548 รวมทั้งพิจารณาถึงความเหมาะสมในการผลิตไฟฟ้าของประเทศโดยเฉพาะในกรณีที่มีการผลิตไฟฟ้านอกแผน ตลอดจนคำนึงถึงความมั่นคงของภาคการผลิตไฟฟ้า นอกจากนี้ยังคำนึงถึงปัจจัยในมิติต่างๆ ประกอบด้วย การประมาณการความต้องการไฟฟ้า อัตราแลกเปลี่ยนที่ใช้ในการคำนวณ การประมาณการค่าเชื้อเพลิงและค่าซื้อไฟฟ้า และการผลิตไฟฟ้า ตลอดจนติดตามต้นทุนค่าเชื้อเพลิงที่เกิดขึ้นในช่วงเดือนตุลาคม 2553 มกราคม 2554 เพื่อนำภาระต้นทุนค่าเชื้อเพลิงจริงที่ต่างจากแผน มาคำนวณรวมกับงวดพฤษภาคม สิงหาคม 2554
2.
การประมาณการค่า Ft สำหรับเดือนพฤษภาคม สิงหาคม 2554
ข้อมูลสำคัญสำหรับการประมาณการค่า Ft ช่วงเดือนพฤษภาคม สิงหาคม 2554 มีดังนี้
2.1 การประมาณการความต้องการใช้ไฟฟ้า
คาดว่าในช่วงเดือนพฤษภาคม สิงหาคม2554 จะมีความต้องการไฟฟ้าเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 3.44% หรือประมาณ 3,546 ล้านหน่วย เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา (พฤษภาคม 2553 สิงหาคม 2553)
2.2 สัดส่วนเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตไฟฟ้า
คาดว่าการผลิตไฟฟ้าในช่วงเดือนพฤษภาคม - สิงหาคม 2554 จะเพิ่มขึ้น 7.44% หรือประมาณ 3,996 ล้านหน่วย จากช่วงที่ผ่านมา (มกราคม 2554 เมษายน 2554) ซึ่งหน่วยผลิตที่เพิ่มขึ้นดังกล่าว จะมีการใช้เชื้อเพลิงชนิดต่างๆเปลี่ยนแปลงไป ดังนี้
- ผลิตไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติเพิ่มขึ้น 3,360 ล้านหน่วย โดยเป็นการผลิตเพิ่มขึ้นจาก LNG 1 ล้านตัน/วัน หรือประมาณ 140 ล้าน ลบ.ฟุต/วัน ตั้งแต่เดือน มิ.ย.54
- ผลิตไฟฟ้าจากน้ำมันเตาเพิ่มขึ้น 369 ล้านหน่วย (เนื่องจากในบางวันปริมาณก๊าซมีไม่เพียงพอ )
- ผลิตไฟฟ้าจากน้ำลดลง 540 ล้านหน่วย ตามความต้องการน้ำของกรมชลประทาน ที่เริ่มเข้าหน้าฝนแล้ว
- ผลิตไฟฟ้าจากลิกไนต์ลดลง 169 ล้านหน่วย เพราะมีแผนซ่อมโรงไฟฟ้าแม่เมาะเครื่องที่ 10 และ 11 ในเดือน ก.ค.54 และ ส.ค.54 ตามลำดับ
- รับซื้อจากลาวเพิ่มขึ้น 1,195 ล้านหน่วย
- เริ่มซื้อจากมาเลเซียในเดือน ส.ค.54 จำนวน 50 ล้านหน่วย เพื่อลดการใช้น้ำมันเตา
2.3 อัตราแลกเปลี่ยนที่ใช้ในการคำนวณ
เนื่องจากอัตราแลกเปลี่ยนมีผลกระทบต่อค่าเชื้อเพลิงและค่าซื้อไฟฟ้า การกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนในระดับที่เหมาะสมจะทำให้ประมาณการต้นทุนค่าผลิตไฟฟ้ามีความเหมาะสมมากยิ่งขึ้น ดังนั้น กกพ. จึงกำหนดให้ใช้อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ดำเนินการประมาณการ ค่า Ft งวดเดือนพฤษภาคม - สิงหาคม 2554 คือ วันที่ 18 เมษายน 2554 ที่อัตราแลกเปลี่ยน 30.27 บาทต่อ สรอ. ซึ่งเปลี่ยนแปลงลดลง 0.03 บาทต่อเหรียญ สรอ. เมื่อเทียบกับงวดที่ผ่านมา
2.4 การประมาณการค่าเชื้อเพลิงและค่าซื้อไฟฟ้า
ราคาเชื้อเพลิงเฉลี่ยในช่วงเดือนพฤษภาคม - สิงหาคม 2554 มีการเปลี่ยนแปลง เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงที่ผ่านมา (มกราคม เมษายน 2554) ดังนี้
- ราคาก๊าซธรรมชาติเฉลี่ยเพิ่มขึ้นจาก 229.61 บาทต่อล้านบีทียู เป็น 251.51 บาทต่อล้านบีทียูหรือเพิ่มขึ้น 21.90 บาทต่อล้านบีทียู จากการที่ราคาน้ำมันเตาที่ใช้อ้างอิงในการประมาณการราคาก๊าซทะยอยเพิ่มสูงขึ้นเป็นลำดับ ตามราคาน้ำมันดิบดูไบที่เพิ่มขึ้นจากประมาณการในรอบที่แล้ว จาก 92.40-119.70 USD/BBL เป็น 118.23-122.51 USD/BBL
- ราคาน้ำมันเตาเฉลี่ยเพิ่มขึ้นจาก 17.16 บาทต่อลิตร เป็น 23.64 บาทต่อลิตร หรือเพิ่มขึ้น 6.48 บาทต่อลิตร (เป็นราคาถัวเฉลี่ย (Stock Moving Average) จากการใช้น้ำมันเตาของโรงไฟฟ้าต่างๆ เช่น โรงไฟฟ้าพลังความร้อนราชบุรี, โรงไฟฟ้าพลังความร้อนบางปะกง, โรงไฟฟ้าพลังความร้อนพระนครใต้ และ โรงไฟฟ้าพลังความร้อนกระบี่ ซึ่งในแต่ละโรงไฟฟ้าก็มีน้ำมันเตาหลายชนิดคือ 0.5%S, 1.0%S 2.0%S ที่มีราคาแตกต่างกัน ตั้งแต่ 14-24 บาท/ลิตร)
- ราคาน้ำมันดีเซลเฉลี่ยเพิ่มขึ้นจาก 24.19 บาทต่อลิตร เป็น 28.59 บาทต่อลิตร หรือเพิ่มขึ้น 4.40 บาทต่อลิตร
นอกจากนี้ เมื่อพิจารณาราคารับซื้อไฟฟ้าเฉลี่ย พบว่าเพิ่มขึ้นจาก 2.3056 บาทต่อหน่วย เป็น 2.3822 บาทต่อหน่วย หรือเพิ่มขึ้น 0.077 บาทต่อหน่วย จากงวดที่ผ่านมา รวมถึงการประมาณการหน่วยจำหน่ายถึงผู้ใช้ไฟฟ้าทั่วประเทศเพิ่มขึ้น 3,546.14 ล้านหน่วยจากงวดที่ผ่านมา ส่งผลให้ค่าเชื้อเพลิงและค่าซื้อไฟฟ้าในช่วงเดือนพฤษภาคม - สิงหาคม 2554 เพิ่มขึ้น 12,051 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 20.16 สตางค์ต่อหน่วย เมื่อเปรียบเทียบกับงวดที่ผ่านมา
2.5 ต้นทุนค่าเชื้อเพลิงจริงในช่วงเดือนตุลาคม 2553 มกราคม 2554
กกพ. ได้มีการติดตามการผลิตไฟฟ้า การใช้เชื้อเพลิง การจ่ายไฟฟ้า และความต้องการไฟฟ้าที่เกิดขึ้นจริงในช่วงเดือนตุลาคม 2553 มกราคม 2554 เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการคำนวณภาระต้นทุนการผลิตไฟฟ้ายกมาในช่วงเดือนพฤษภาคม - สิงหาคม 2554
จากข้อมูลสำคัญทั้ง 5 ข้อ ดังที่กล่าวมาข้างต้น มีผลให้ค่า Ft ในช่วงเดือนพฤษภาคม สิงหาคม 2554 มีค่าเท่ากับ 100. 66 สตางค์ต่อหน่วย ซึ่งเพิ่มขึ้นจากค่า Ft ที่เรียกเก็บจากผู้ใช้ไฟฟ้าในช่วงเดือนมกราคม เมษายน 2554 (86.88 สตางค์ต่อหน่วย) จำนวน 13.78 สตางค์ต่อหน่วย
3. การประเมินผลกระทบจากการปรับค่า Ft งวดเดือนพฤษภาคม สิงหาคม 2554
กกพ. ได้พิจารณาประมาณการค่า Ft ในช่วงเดือนพฤษภาคม สิงหาคม 2554 ซึ่งเท่ากับ 100.66 สตางค์ต่อหน่วย เพิ่มขึ้นจากค่า Ft ที่เรียกเก็บจากผู้ใช้ไฟฟ้าในช่วงเดือนมกราคม เมษายน 2554 (86.88 สตางค์ต่อหน่วย) จำนวน 13.78 สตางค์ต่อหน่วย เห็นว่าจะส่งผลกระทบต่อประชาชนและภาคธุรกิจ เนื่องจากปัจจุบันอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ดังนั้น กกพ. จึงพิจารณานำเงินที่สามการไฟฟ้าลงทุนต่ำกว่าแผนในช่วงปี 2551 - 2553 บางส่วน (2,600 ล้านบาท จาก 9,500 ล้านบาท) มาปรับลดค่าไฟฟ้าตามสูตร Ft ในเดือนพฤษภาคม 2554 สิงหาคม 2554 ลง 4.85 สตางค์/หน่วย
ดังนั้น กกพ. จึงมีมติเห็นชอบให้ค่า Ftในช่วงเดือนพฤษภาคม สิงหาคม 2554 สำหรับการเรียกเก็บจากประชาชนเท่ากับ 95.81 สตางค์ต่อหน่วยเพิ่มขึ้นจากงวดที่ผ่านมา (เดือนมกราคม เมษายน 2554 ที่ 86.88 สตางค์ต่อหน่วย) จำนวน 8.93 สตางค์ต่อหน่วย