การปรับค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ หรือค่าเอฟที สำหรับการเรียกเก็บในเดือนกุมภาพันธ์ ถึง พฤษภาคม 2551 โดยปรับขึ้น 2.75 สตางค์ต่อหน่วย จาก 66.11 สตางค์ต่อหน่วย เพิ่มเป็น 68.86 สตางค์ต่อหน่วย และค่าไฟฟ้าเฉลี่ยจะเพิ่มจาก 2.91 บาทต่อหน่วย เป็น 2.94 บาทต่อหน่วย หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 0.95 % เมื่อรวมกับค่าไฟฟ้าฐาน 2.25 บาทต่อหน่วย

          โดยสาเหตุที่ต้องมีการปรับขึ้นเนื่องจากราคาเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตไฟฟ้าได้ปรับตัวสูงขึ้นโดยราคาก๊าซธรรมชาติได้ปรับตัวสูงขึ้น 10.23 บาทต่อล้านบีทียู จากราคา 197.66 บาท เป็น 207.89 บาทต่อล้านบีทียู และน้ำมันเตาได้ปรับตัวสูงขึ้น 3.29 บาทต่อลิตร จากราคา 14.01 บาทต่อลิตร เป็น 17.30 บาทต่อลิตร

           ตามสถิติแล้วเมื่อราคาก๊าซธรรมชาติปรับเพิ่มขึ้น 10 บาทต่อล้านบีทียู จะทำให้ค่าเอฟทีเพิ่มขึ้นประมาณ 6 สตางค์ต่อหน่วย แต่อย่างไรก็ตาม ได้มีการบริหารการผลิตไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติ พลังน้ำ ลิกไนต์ และถ่านหินนำเข้าเพิ่มขึ้น เพื่อลดการใช้น้ำมันเตาลง ส่งผลให้หน่วยผลิตจากน้ำมันเตาลดลงจาก 2,696 ล้านหน่วย เหลือ 170 ล้านหน่วย และยังมีผลจากปรับเพิ่มน้ำตามสถิติที่สูงกว่าประมาณการที่กรมชลประทานจะสามารถปล่อยน้ำจากเขื่อนเพื่อผลิตไฟฟ้าได้อีก 180 ล้านหน่วย อีกทั้งยังได้ปัจจัยบวกอื่นคือได้ก๊าซจากแหล่งใหม่ 2 แหล่ง ประกอบด้วยแหล่งอาทิตย์ จะเข้าระบบวันที่ 16 มีนาคม 2551 จำนวน 330 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน และก๊าซธรรมชาติจากแหล่ง JDA-A 18 อีก 400 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ที่จะเข้าระบบในวันที่ 10 เมษายนนี้ นอกจากนั้นจากการที่เงินบาทแข็งค่าขึ้นจาก 34.0 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐอเมริกา เป็น 33.0 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐอเมริกา ช่วยให้ค่าเอฟทีในงวดนี้ไม่ต้องปรับขึ้นได้ส่วนหนึ่ง ทำให้ค่าเอฟทีงวดนี้ปรับเพิ่มขึ้นจากงวดที่ผ่านมาเพียง 2.75 สตางค์/หน่วย หรือ 0.95% เท่านั้น