“แบตเตอรี่พลังน้ำ” เติมเต็มความอุ่นใจ ทันใจ มั่นใจ สู่ความมั่นคงพลังงาน
31 July 2024
อีกหนึ่งความท้าทายในการก้าวข้ามขีดจำกัดของพลังงานหมุนเวียนที่กำลังมีสัดส่วนเพิ่มมากขึ้นในระบบไฟฟ้าตามเทรนด์พลังงานโลก เพื่อเดินหน้าประเทศสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนนั่น คือ การสร้างความมั่นคงทางพลังงาน บนความผันผวน ไม่แน่นอนของพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy : RE) ระบบกักเก็บพลังงาน จึงนับเป็นหัวใจสำคัญของการบริหารจัดการพลังงานหมุนเวียนให้มีเสถียรภาพมากขึ้น การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) จึงได้พัฒนาระบบกักเก็บพลังงานในรูปแบบ “โรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบสูบกลับ (Pumped-Storage)” มาทำหน้าที่สำรองพลังงานเสริมให้กับระบบไฟฟ้าในช่วงที่พลังงานหมุนเวียนไม่สามารถผลิตไฟฟ้าได้ เพื่อให้ระบบไฟฟ้ามีความมั่นคง ประชาชนมีไฟฟ้าใช้ในทุกช่วงเวลา

‘อุ่นใจ’ แบตเตอรี่พลังน้ำ ปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อม
โรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบสูบกลับ เป็นไฟฟ้าสะอาดจากพลังน้ำ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มีต้นทุนการผลิตไฟฟ้าต่อหน่วยถูกที่สุดเมื่อเทียบกับระบบกักเก็บพลังงานรูปแบบอื่นๆ ผลิตไฟฟ้าด้วยหลักการเดียวกับโรงไฟฟ้าพลังน้ำทั่วไป โดยจะปล่อยน้ำจากอ่างเก็บน้ำส่วนบน เพื่อหมุนกังหันและเครื่องกำเนิดไฟฟ้าผลิตพลังงานไฟฟ้าเมื่อมีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูง น้ำที่ปล่อยออกมาจะถูกกักเก็บไว้ในอ่างเก็บน้ำส่วนล่าง เพื่อสูบน้ำกลับขึ้นไปเก็บไว้ที่อ่างเก็บน้ำส่วนบน สำหรับใช้ในการผลิตไฟฟ้าต่อไป โรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบสูบกลับ จึงเปรียบเสมือนแบตเตอรี่พลังน้ำขนาดใหญ่ ที่สามารถนำน้ำมาผลิตไฟฟ้าได้อย่างไม่มีวันหมด โดยไม่ส่งผลกระทบกับการใช้น้ำของประชาชน


‘ทันใจ’ สร้างความมั่นคง RE ได้ทัน เสิร์ฟไฟฟ้าได้เร็ว
นอกจากจะมีต้นทุนการผลิตที่ต่ำแล้ว ยังสามารถเดินเครื่องจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบได้อย่างรวดเร็วโดยใช้เวลาไม่ เกิน 15 นาที ทำให้สามารถผลิตไฟฟ้าทดแทนพลังงานหมุนเวียน ในเวลาที่แดดไม่มี ลมไม่พัด หรือในช่วงที่เกิดกรณีฉุกเฉินไฟฟ้าขาดหายไปจากระบบได้อย่างทันท่วงที

‘มั่นใจ’ ทำแล้ว ทำอยู่ และทำต่อ! เพื่อความมั่นคงพลังงาน
ปัจจุบัน กฟผ. มีโรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบสูบกลับ 3 แห่ง คือ เขื่อนศรีนครินทร์ จังหวัดกาญจนบุรี กำลังผลิต 360 เมกะวัตต์ , เขื่อนภูมิพล จังหวัดตาก กำลังผลิต 171 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าลำตะคองชลภาวัฒนา จังหวัดนครราชสีมา กำลังผลิต 1,000 เมกะวัตต์ และมีแผนเดินหน้าพัฒนาโครงการฯ ที่เขื่อนจุฬาภรณ์ จังหวัดชัยภูมิ กำลังผลิต 801 เมกะวัตต์ มีแผนจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ในปี 2577 , เขื่อนวชิราลงกรณ จังหวัดกาญจนบุรี ขนาดกำลังผลิต 819 เมกะวัตต์ มีแผน COD ปี 2579 และเขื่อนกะทูน จังหวัดนครศรีธรรมราช มีแผน COD ปี 2580 ทั้งนี้ เพื่อให้มั่นใจว่ามีระบบกักเก็บพลังงานเพียงพอที่จะรักษาความมั่นคงให้กับระบบไฟฟ้าของประเทศ

โรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบสูบกลับ คือ หนึ่งในเทคโนโลยีระบบกักเก็บพลังงาน เพื่อให้เป็นแหล่งพลังงานไฟฟ้าสำรองที่สร้างความอุ่นใจ ทันใจ และมั่นใจ พร้อมสนับสนุนประเทศให้ก้าวข้ามขีดจำกัดสู่เทรนด์อนาคต – สังคมคาร์บอนต่ำ ได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน