เกี่ยวกับ กฟผ.

         การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เป็นรัฐวิสาหกิจด้านกิจการพลังงานภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงพลังงาน กระทรวงการคลัง ดำเนินธุรกิจหลักในการผลิต จัดให้ได้มา และจำหน่ายพลังงานไฟฟ้าให้แก่การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ผู้ใช้ไฟฟ้าตามกฎหมายกำหนดและประเทศใกล้เคียง พร้อมทั้งธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับกิจการไฟฟ้าภายใต้กรอบพระราชบัญญัติ กฟผ.

ธุรกิจเกี่ยวกับการผลิตไฟฟ้าในธุรกิจใหญ่

การผลิตไฟฟ้า

กฟผ. ผลิตไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าของ กฟผ. ซึ่งตั้งอยู่ทุกภูมิภาคของประเทศรวมจำนวนทั้งสิ้น 53 แห่ง มีกำลังผลิตรวมทั้งสิ้น 16,237.02 เมกะวัตต์ ประกอบด้วยโรงไฟฟ้าหลายประเภท ได้แก่ โรงไฟฟ้าพลังความร้อน 3 แห่ง โรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม 6 แห่ง โรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน (พลังน้ำ) 30 แห่ง โรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน (ลม แสงอาทิตย์ ความร้อนใต้พิภพ) 9 แห่ง โรงไฟฟ้าดีเซล 4 แห่ง และโรงไฟฟ้าอื่น ๆ (โรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบสูบกลับ) 1 แห่ง

การรับซื้อไฟฟ้า

นอกจากการผลิตไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าของ กฟผ. แล้ว กฟผ. ยังรับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ 12 ราย รวมกำลังผลิต 17,648.50 เมกะวัตต์ และผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายเล็ก รวมกำลังผลิต 9,483.37 เมกะวัตต์ รวมทั้งรับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้าในประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ สปป.ลาว และมาเลเซีย รวมกำลังผลิต 6,234.90 เมกะวัตต์

การส่งไฟฟ้า

กฟผ. ดำเนินการจัดส่งไฟฟ้าที่ผลิตจากโรงไฟฟ้าของ กฟผ. และที่รับซื้อจากผู้ผลิตไฟฟ้ารายอื่นผ่านระบบส่งไฟฟ้าของ กฟผ. ซึ่งมีโครงข่ายครอบคลุมทั่วประเทศ ที่ระดับแรงดัน 500 กิโลโวลต์ 230 กิโลโวลต์ 132 กิโลโวลต์ 115 กิโลโวลต์ และ 69 กิโลโวลต์ เพื่อจำหน่ายไฟฟ้าให้แก่ผู้ใช้ไฟฟ้าที่รับซื้อโดยตรงจาก กฟผ. กฟน. และ กฟภ. ซึ่งนำไปจำหน่ายให้แก่ผู้ใช้ไฟฟ้าในประเทศต่อไป นอกจากนี้ กฟผ. ยังจำหน่ายไฟฟ้าให้การไฟฟ้าของประเทศเพื่อนบ้านด้วย ได้แก่ สปป.ลาว ด้วยระบบส่งไฟฟ้าแรงดัน 115 กิโลโวลต์ และ 22 กิโลโวลต์ และประเทศมาเลเซีย ด้วยระบบไฟฟ้าแรงสูงกระแสตรง (HVDC) 300 กิโลโวลต์

ธุรกิจอื่นๆ

ธุรกิจเกี่ยวเนื่องของ กฟผ.

         ในปี 2566 กฟผ. ได้ดำเนินธุรกิจสอดคล้องกับยุทธศาสตร์สร้างรายได้เพิ่มจากความสามารถและทรัพยากรที่มีอยู่ ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญด้านพลังงานไฟฟ้ากว่า 50 ปี จึงสามารถให้บริการที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมไฟฟ้าอย่างมีคุณภาพและครบวงจร จนได้รับความไว้วางใจจากหน่วยงานทั้งในและต่างประเทศ โดยให้บริการด้านธุรกิจ 2 กลุ่มหลักคือ

  1. ธุรกิจโรงไฟฟ้าและระบบส่ง ได้แก่ งานวิศวกรรมและก่อสร้างโรงไฟฟ้าและระบบส่ง งานเดินเครื่องและบำรุงรักษาโรงไฟฟ้า งานบำรุงรักษาระบบส่งแก่กลุ่มลูกค้าโรงไฟฟ้าของ กฟผ. ผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ (IPP) ผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายเล็ก (SPP) และงานบริการด้านธุรกิจโทรคมนาคม
  2. ธุรกิจนวัตกรรมพลังงาน ได้แก่ นวัตกรรมวัตถุพลอยได้จากการผลิตไฟฟ้า โซลูชันพลังงานไฟฟ้า และโซลูชันยานยนต์ไฟฟ้า

ธุรกิจวิศวกรรมและก่อสร้างโรงไฟฟ้าและระบบส่ง

กฟผ. มีความชำนาญในการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าทุกประเภท ตั้งแต่กระบวนการการนำเสนอแนวคิดไปจนสู่การจ่ายไฟฟ้าและขนานโรงไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ รวมถึงกระบวนการศึกษาความเหมาะสม การคัดเลือกผู้รับเหมา งานวิศวกรรม การบริหารจัดการโครงการ การทดสอบและตรวจรับโรงไฟฟ้าให้แก่โรงไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงให้บริการงานวิศวกรรมที่ปรึกษาแก่โรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม งานที่ปรึกษาทางเทคนิคโรงไฟฟ้าพลังน้ำใน สปป.ลาว งานที่ปรึกษาทางเทคนิคสำหรับควบรวมกิจการหรือเข้าซื้อกิจการ งานที่ปรึกษาสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) และข้อตกลงการเชื่อมต่อ (CA) แก่บริษัทในต่างประเทศ และงานศึกษาเฉพาะทางอื่นๆ ที่เกี่ยวกับโครงการผลิตไฟฟ้า

ธุรกิจเดินเครื่องและบำรุงรักษาโรงไฟฟ้า

กฟผ. มีความชำนาญในการให้บริการงานเดินเครื่องและบำรุงรักษาประจำโรงไฟฟ้าอย่างครบวงจร ด้วยบุคลากรมืออาชีพที่มีความชำนาญเฉพาะด้าน การใช้อุปกรณ์และเทคโนโลยีที่ทันสมัย และการทำงานที่เป็นไปตามมาตรฐานสากล ซึ่งครอบคลุมทั้งงานเดินเครื่องและบำรุงรักษาประจำโรงไฟฟ้า (Operation and Routine Maintenance) และงานบำรุงรักษาโรงไฟฟ้า (Maintenance) แก่โรงไฟฟ้าชั้นนำทั้งในและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยได้ต่อสัญญางานเดินเครื่องและบำรุงรักษาแก่โรงไฟฟ้าในประเทศที่ได้หมดสัญญาไป อีกทั้งลงนามบันทึกความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจต่างๆ และจัดกิจกรรมทางการตลาด เพื่อแสวงหาโอกาสในการดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ กฟผ. ยังพัฒนาศักยภาพของบุคลากร เพื่อขยายขีดความสามารถการให้บริการงานเดินเครื่องและบำรุงรักษาโรงไฟฟ้าประเภทพลังงานหมุนเวียน ซึ่งเป็นพลังงานทางเลือกแห่งอนาคต

ธุรกิจบำรุงรักษาระบบส่ง

กฟผ. ให้บริการงานให้คำปรึกษาทางวิชาการกับโรงไฟฟ้าที่จะเชื่อมต่อระบบไฟฟ้าใหม่ และโรงไฟฟ้าที่ปรับปรุงระบบเชื่อมโยง ตลอดจนงานบำรุงรักษาอุปกรณ์สายส่งไฟฟ้าแรงสูงตามวาระ อุปกรณ์ระบบไฟฟ้าแรงสูงภายในสถานีไฟฟ้าแรงสูง และอุปกรณ์ระบบสื่อสารและป้องกันของโรงไฟฟ้าเอกชน งานให้บริการเก็บและทดสอบน้ำมันหม้อแปลงให้กลุ่มลูกค้าโรงไฟฟ้า กลุ่มลูกค้าโรงงานอุตสาหกรรม รวมถึงงานบริการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น งานบำรุงรักษาเชิงแก้ไขและปรับปรุง

ธุรกิจโทรคมนาคม

กฟผ. ให้บริการโครงข่ายโทรคมนาคมผ่านเส้นใยแก้วนำแสงที่มีอยู่ในระบบส่งไฟฟ้าแรงสูง โดยได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมแบบที่ 3 และการให้บริการโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (International Private Leased Circuit: IPLC) จากคณะกรรมการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) โครงข่ายใยแก้วนำแสงของ กฟผ. ครอบคลุมมากกว่า 22,000 กิโลเมตรทั่วประเทศ ผ่านสถานีไฟฟ้าแรงสูงมากกว่า 260 สถานี และติดตั้งอยู่บนสายส่งไฟฟ้าแรงสูง เส้นใยแก้วนำแสงห่อหุ้มด้วยเหล็กและอะลูมิเนียมในสายดิน (OPGW) ที่มีความมั่นคงสูง โดยมีบริการต่างๆ ได้แก่ บริการเส้นใยแก้วนำแสง (Dark Fiber) บริการวงจรช่องสัญญาณโทรคมนาคม (Domestic and International Bandwidth) และบริการวงจร IP MPLS (Internet Protocol Multiprotocol Label Switching) แก่หน่วยงานภายนอก ทั้งภาครัฐและเอกชน กฟผ. พร้อมสนับสนุนการพัฒนาประเทศในการขยายโครงข่าย 5G IoT (The Internet of Things) และโครงข่ายพื้นฐานโทรคมนาคมอื่น ๆ ในอนาคต ตลอดจนการสนับสนุนการดำเนินนโยบาย Digital Economy ของภาครัฐ ในการผสมผสานโครงสร้างพื้นฐานของโครงข่าย เช่น Internet of Things (IoT), Internet Data Center (IDC), Big Data Analytics, การประมวลผลแบบ Cloud Edge ภายใต้รูปแบบ Digital Platform เพื่อก้าวไปสู่อนาคต และ 5G ร่วมกับปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence : AI) เป็นต้น

ธุรกิจนวัตกรรมวัตถุพลอยได้

กฟผ. ได้ดำเนินการธุรกิจนวัตกรรมวัตถุพลอยได้สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ด้านเศรษฐกิจหมุนเวียน กฟผ. เพื่อเปลี่ยนผ่านสู่องค์การนวัตกรรมด้านเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy Organization) เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันอย่างยั่งยืน ขับเคลื่อนประเทศสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน โดยส่งเสริมการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด และมุ่งสู่การนำของเสียไปฝังกลบให้เป็นศูนย์ ผ่านการนำวัตถุพลอยได้จากกระบวนการผลิตกระแสไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าแม่เมาะ ได้แก่ เถ้าลอยลิกไนต์ทดแทนปูนซีเมนต์ ซึ่งช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ได้ประมาณ 690,000 เมตริกตันต่อปี เทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้ได้ 57 ล้านต้น และยิปซัมสังเคราะห์ซึ่งมาใช้ผลิตซีเมนต์ ไฟเบอร์ซีเมนต์ ไม้เทียม และนำไปใช้เป็นวัสดุปรับปรุงดิน นอกจากนี้ยังได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ คือ ฮิวมิค (Humic) วัตถุพลอยได้จากการทำเหมืองแม่เมาะซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิต เพิ่มสารอาหารให้ดิน ลดค่าใช้จ่าย และสร้างความยั่งยืนในภาคเกษตรกรรม

กฟผ. ยังมุ่งเน้นการพัฒนานวัตกรรมเพื่อนำวัตถุพลอยได้จากการผลิตไฟฟ้าไปเป็นผลิตภัณฑ์โดยร่วมมือกับสถาบันการศึกษาชั้นนำในประเทศและผู้เชี่ยวชาญในสาขาที่เกี่ยวข้อง ซึ่งในปี 2566 มี 4 โครงการ ได้แก่
1. การศึกษาสมบัติของคอนกรีตที่ผสมเถ้าลอยที่มีปริมาณแคลเซียมออกไซด์สูงมาก
2. การพัฒนาเถ้าลอยเป็นคอนกรีตสีเขียว (Activated Fly Ash Concrete)
3. การพัฒนานวัตกรรมแผ่นฝ้ายิปซัมลดมลพิษในอากาศจากเอฟจีดียิปซัม
4. การพัฒนาฉนวนจีโอพอลิเมอร์พรุน

ธุรกิจโซลูชันพลังงานไฟฟ้า (EGAT Smart Energy Solutions)

กฟผ. ได้เปิดตัวธุรกิจด้านโซลูชันพลังงานไฟฟ้า (Smart Energy Solutions) อย่างเป็นทางการ โดยให้บริการออกแบบ ติดตั้ง ดูแล และบำรุงรักษาอย่างครบวงจร สำหรับระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา ระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบลอยน้ำ และระบบกักเก็บพลังงาน

นอกจากนี้ กฟผ. เริ่มให้บริการระบบบริหารจัดการพลังงานที่ต่อยอดจากงานวิจัยของ กฟผ. โดยพัฒนาให้ Platform ใช้งานร่วมกับระบบ Internet of Things (IoT) ที่สามารถตอบสนองความต้องการผู้ใช้งานด้านการแสดงผลข้อมูลการควบคุม และการให้คำแนะนำแนวทางการใช้พลังงานให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ภายใต้ชื่อ ENZY Platform ซึ่งสามารถใช้งานร่วมกับแหล่งผลิตพลังงานไฟฟ้ารูปแบบต่างๆ และอาคาร สถานที่ที่มีความต้องการใช้พลังงานไฟฟ้าปริมาณมากได้ เช่น ระบบ Solar Rooftop ระบบปรับอากาศแบบรวมศูนย์หรือแยกศูนย์ เป็นต้น

ปัจจุบันมีผู้สนใจและเลือกรับบริการที่หลากหลายประกอบด้วยหน่วยงานภาครัฐ 3 แห่ง ภาคอุตสาหกรรม 5 แห่ง ทั่วประเทศ โดย กฟผ. มีเป้าหมายขยายการบริการด้าน Smart Energy Solutions ไปยังภาคธุรกิจและที่อยู่อาศัยในอนาคต เพื่อสนับสนุนการใช้พลังงานสีเขียว ช่วยลดต้นทุนค่าไฟฟ้าแก่ผู้รับบริการ และลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) นำไปสู่การบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนของประเทศไทยร่วมกับทุกภาคส่วน

ธุรกิจโซลูชันยานยนต์ไฟฟ้า (EGAT EV Business Solutions)

ธุรกิจโซลูชันยานยนต์ไฟฟ้า ดำเนินการตามยุทธศาสตร์การมุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำ มีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านสู่การใช้ยานยนต์ไฟฟ้า โดยเน้นเสริมสร้างความแข็งแกร่งและครอบคลุมให้กับระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้า (EV Ecosystme) ของประเทศแบบครบวงจร กฟผ. สนับสนุนและร่วมพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการอัดประจุไฟฟ้า (EV Charging Infrastructure) ผ่านการให้บริการสถานีอัดประจุไฟฟ้า การให้บริการแอปพลิเคชันยานยนต์ไฟฟ้า และระบบบริหารจัดการสถานีอัดประจุไฟฟ้า

ในปี 2566 ธุรกิจโซลูชันยานยนต์ไฟฟ้า ได้พัฒนาและส่งมอบบริการ ดังนี้
1. ขยายการให้บริการสถานีอัดประจุไฟฟ้า “EleX by EGAT” และการให้บริการสถานีพันธมิตรในเครือข่าย EleXa ทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น 180 สถานี ร่วมกับพันธมิตร เช่น สถานีให้บริการน้ำมัน PT, Homepro, BMW, เครือMBK, กลุ่มบริษัทพูนผล ฯลฯ
2. ให้บริการแอปพลิเคชั่น “EleXa” ซึ่งเป็นผู้ช่วยอำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในการค้นหาและจองใช้งานสถานีอัดประจุไฟฟ้า การสั่งชาร์ท และการชำระเงินค่าบริการ รวมถึงให้บริการอื่น ๆ เพิ่มเติม เช่น Trip Planner และระบบบริหารจัดการลูกค้าโดยเชื่อมโยงโครงข่ายแอปพลิเคชันการจัดการสถานีอัดประจุไฟฟ้าร่วมกับ MEA EV (MEA), PEA VOLTA (PEA), EV Station PluZ (OR), EA Anywhere และ GWM รวมถึงเชื่อมโยงโครงข่ายการชำระเงินข้ามแพลตฟอร์มร่วมกับ MEA EV (MEA) และ PEA VOLTA (PEA)
3. ให้บริการระบบบริหารจัดการสถานีอัดประจุไฟฟ้า “BackEN EV” ซึ่งเป็นระบบที่สนับสนุนภาคเอกชน/นักลงทุน ในการเปิดสถานีอัดประจุไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ ให้สามารถดำเนินการและดูแลสถานีอัดประจุไฟฟ้าได้อย่างสะดวกรวดเร็ว โดนระบบ “BackEN EV” รองรับการบริหารจัดการสถานีอัดประจุไฟฟ้า กาสั่งชาร์ท และการรับชำระเงิน โดยมีกลุ่มลูกค้าหลักรวมประมาณ 50 ราย เช่น โรงแรม อะพาร์ตเมนต์ ร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า ฯลฯ
4. เปิดตัวการให้บริการครบวงจร (EGAT EV Total Solution) ซึ่งประกอบด้วยการให้บริการสำรวจพื้นที่ ให้คำปรึกษา ออกแบบวางผัง ติดตั้งสถานีอัดประจุไฟฟ้า บริหารจัดการสถานี และให้บริการ Customer Service แก่ลูกค้าผู้ใช้ยานยนต์ไฟฟ้า

นอกจากนี้ กฟผ. ยังได้มุ่งมั่นพัฒนาธุรกิจโซลูชันยานยนต์ไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง โดยเชื่อมโยงและขยายความร่วมมือกับบริษัทในกลุ่ม กฟผ. คือ บริษัท อินโนพาวเวอร์ จำกัด เพื่อพัฒนาและส่งมอบการให้บริการรถบัสไฟฟ้า และบริษัท อีแกท ไดมอนด์ เซอร์วิส จำกัด ในการผลิตเครื่องอัดประจุไฟฟ้าภายใต้ชื่อ FLEXXFAST เพื่อเสริมความแข็งแกร่งของระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าภายใต้กลุ่ม กฟผ. สู่การเป็นหนึ่งในผู้เล่นสำคัญที่ช่วยกันสนับสนุนและสร้างการเติบโตด้านยานยนต์ไฟฟ้าให้กับประเทศไทย

การดำเนินงานของบริษัทในกลุ่ม กฟผ.

การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้ลงทุนเพื่อประกอบธุรกิจด้านการผลิตไฟฟ้าและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง โดยมีบริษัทในกลุ่ม กฟผ.จำนวน 7 บริษัท

สัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทในกลุ่ม กฟผ.

ชื่อบริษัทชื่อย่อทุนจดทะเบียน
(ล้านบาท)
สัดส่วนการถือหุ้น
(ร้อยละ)
สถานะ
บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)RATCH22,192.345บริษัทย่อย
บริษัท กฟผ. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัดEGATi12,197.499.99บริษัทย่อย
บริษัท อีแกท ไดมอนด์ เซอร์วิส จำกัดEDS62345บริษัทย่อย
บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน)EGCO5,30025.41บริษัทร่วม
บริษัท ผลิตไฟฟ้าและน้ำเย็น จำกัดDCAP1,67035กิจการร่วมค้า
บริษัท อินโนพาวเวอร์ จำกัดINNOPOWER1,90040กิจการร่วมค้า
บริษัท อินโนสเปซ (ประเทศไทย) จำกัดInnoSpace735.0113.605เงินลงทุน

ปรับปรุงข้อมูล ณ วันที่ 22 เม.ย. 2567

Skip to content