บทเรียนจากยุโรป หนทางสู่พลังงานราคาถูก ที่ต้องแลกมาด้วยต้นทุนมหาศาล

22 July 2025

          ในยุคที่การเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดเป็นวาระสำคัญของนานาประเทศ หลายภาคส่วนคาดหวังว่าการลงทุนในพลังงานหมุนเวียน เช่น แสงอาทิตย์และลม จะช่วยลดต้นทุนด้านพลังงานในระยะยาว แต่ความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในหลายภูมิภาค โดยเฉพาะในทวีปยุโรป ได้สะท้อนให้เห็นว่าหนทางสู่พลังงานราคาถูกนั้น ไม่ได้ราบรื่นอย่างที่คาดหวัง แต่กลับเต็มไปด้วยความท้าทายและภาระค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล

การเติบโตของพลังงานหมุนเวียน

          ในช่วงปี พ.ศ. 2565-2567 สหภาพยุโรปได้เพิ่มกำลังผลิตจากพลังงานหมุนเวียนอย่างต่อเนื่อง โดยเป็นกำลังผลิตจากพลังงานแสงอาทิตย์มากถึง 168 กิกะวัตต์ และพลังงานลมอีก 44 กิกะวัตต์ ส่งผลให้สัดส่วนพลังงานหมุนเวียนเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 34 ในปี 2562 เป็นร้อยละ 47 ในปี 2567 ความสำเร็จในครั้งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของยุโรปในการลดการพึ่งพาพลังงานฟอสซิล เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์

ความล่าช้าของการพัฒนาโครงข่ายไฟฟ้า

          แม้พลังงานหมุนเวียนจะเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่ระบบโครงข่ายไฟฟ้าที่ทำหน้าที่ส่งจ่ายไฟฟ้ากลับพัฒนาไม่ทัน ส่งผลให้ระบบไฟฟ้าไม่มีความเสถียรเพียงพอเมื่อพลังงานจากแสงอาทิตย์และลมเข้ามาแทนที่โรงไฟฟ้าแบบดั้งเดิม ยิ่งไปกว่านั้น สายส่งไฟฟ้าแรงดันต่ำกว่าครึ่งในยุโรปจะมีอายุมากกว่า 40 ปีภายในปี 2573 ซึ่งถือว่าใกล้หมดอายุการใช้งาน

          ทบวงการพลังงานระหว่างประเทศ (International Energy Agency: IEA) รายงานว่า แม้การลงทุนพัฒนาโครงข่ายไฟฟ้าทั่วโลกจะสูงถึง 390 พันล้านดอลลาร์ในปี 2567 และมีแนวโน้มทะลุ 400 พันล้านดอลลาร์ในปี 2568 แต่การลงทุนในโครงข่ายไฟฟ้ากลับมีสัดส่วนน้อยลงเมื่อเทียบกับการลงทุนในพลังงานหมุนเวียน กล่าวคือ จากเดิมเคยลงทุนในโครงข่ายไฟฟ้าประมาณ 60 เซนต์ต่อการลงทุนพลังงานหมุนเวียน 1 ดอลลาร์ กลับลดลงเหลือเพียงไม่ถึง 40 เซนต์ในปัจจุบัน

ภาพแสดงการลงทุนในภาคพลังงานตั้งแต่ปี 2015–2025

กรณีตัวอย่าง เหตุไฟฟ้าดับในไอบีเรีย

          การลงทุนในโครงข่ายไฟฟ้าที่ไม่เพียงพอทำให้ระบบไฟฟ้าในหลายพื้นที่เปราะบาง ซึ่งปรากฏให้เห็นชัดเจนเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2568 จากเหตุการณ์ไฟฟ้าดับครั้งใหญ่ในคาบสมุทรไอบีเรีย แม้หน่วยงานกำกับดูแลยังอยู่ระหว่างการสอบสวนสาเหตุที่แท้จริง แต่สิ่งที่ทราบแน่ชัดคือ ก่อนเกิดเหตุ โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์สองแห่งของสเปนหลุดออกจากระบบอย่างกะทันหัน แม้สเปนจะพึ่งพาพลังงานหมุนเวียนปริมาณมาก แต่ปัญหาไม่ได้อยู่ที่แหล่งพลังงาน หากแต่อยู่ที่ระบบโครงข่ายไฟฟ้าไม่ได้รับการปรับปรุงให้รองรับลักษณะเฉพาะของโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน ซึ่งไม่สามารถสร้าง “ความเฉื่อย” (inertia) ได้เหมือนโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงฟอสซิล ที่มีความเฉื่อยสูง ช่วยลดความผันผวนของความถี่ไฟฟ้าเมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงแบบฉับพลัน ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงไฟฟ้าดับหรืออุปกรณ์เสียหาย

          เพื่อรับมือกับปัญหานี้ จำเป็นต้องลงทุนในเทคโนโลยีแบตเตอรี่ ที่สามารถจ่ายไฟฟ้าสำรองได้ภายในเสี้ยววินาทีเมื่อไฟฟ้าดับ เหตุการณ์ไฟฟ้าดับครั้งใหญ่นี้จึงเป็นสัญญาณเตือนว่า หากไม่มีการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานให้เพียงพอ ระบบไฟฟ้าที่พึ่งพาแหล่งพลังงานหมุนเวียนจะยังคงเปราะบาง

การเตรียมพร้อมของประเทศไทย

          บทเรียนจากยุโรปชี้ให้เห็นว่า การเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานสะอาดอย่างยั่งยืนนั้น ไม่อาจพึ่งแค่การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเพียงอย่างเดียว หากแต่ต้องลงทุนในโครงข่ายไฟฟ้า เทคโนโลยีเสริมเสถียรภาพของระบบ และการวางแผนระยะยาวอย่างรอบด้าน

          กฟผ. ตระหนักถึงความท้าทายดังกล่าว และได้ดำเนินการเชิงรุกเพื่อเตรียมพร้อมรับการเปลี่ยนผ่านโดยพัฒนานวัตกรรมพลังงานไฟฟ้าเพื่อรองรับการเพิ่มขึ้นของพลังงานหมุนเวียน อาทิ ศูนย์พยากรณ์การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน และศูนย์ควบคุมการตอบสนองด้านโหลด ที่ช่วยบริหารโครงข่ายไฟฟ้าให้พร้อมรับมือความผันผวนของพลังงานหมุนเวียน ช่วยเสริมให้ระบบไฟฟ้ามีความมั่นคงมากขึ้น พัฒนาระบบกักเก็บพลังงาน เพื่อกักเก็บพลังงานส่วนเกินจากระบบไฟฟ้านำมาใช้ในช่วงเวลาที่พลังงานหมุนเวียนไม่สามารถผลิตไฟฟ้าได้ ทั้งการเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ ที่ได้มีการติดตั้งแล้วที่สถานีไฟฟ้าแรงสูงบำเหน็จณรงค์ จ.ชัยภูมิ และสถานีไฟฟ้าแรงสูงชัยบาดาล จ.ลพบุรี นอกจากนั้น ยังมีโรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบสูบกลับ เพื่อเป็นแบตเตอรี่พลังน้ำผลิตไฟฟ้าในเวลาที่ต้องการ โดยปัจจุบัน กฟผ. มีโรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบสูบกลับ 3 แห่ง คือ เขื่อนศรีนครินทร์ จ.กาญจนบุรี เขื่อนภูมิพล จ.ตาก และโรงไฟฟ้าลำตะคองชลภาวัฒนา จ.นครราชสีมา และกำลังดำเนินการพัฒนาโครงการที่เขื่อนจุฬาภรณ์ จ.ชัยภูมิ เขื่อนวชิราลงกรณ จ.กาญจนบุรี และเขื่อนกะทูน จ.นครศรีธรรมราช

          กฟผ. ยังได้ปรับปรุงโรงไฟฟ้าหลักให้มีความยืดหยุ่น ทำให้สามารถเพิ่มหรือลดกำลังผลิตได้อย่างรวดเร็ว สอดรับกับการผลิตไฟฟ้าของพลังงานหมุนเวียนที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา นอกจากนี้ กฟผ. ยังให้ความสำคัญกับการก่อสร้างและปรับปรุงระบบส่งไฟฟ้า เพื่อส่งไฟฟ้าจากแหล่งผลิตพลังงานสะอาดในภูมิภาคต่าง ๆ ไปยังพื้นที่ที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ

          จากบทเรียนในต่างประเทศ คือตัวอย่างสำคัญที่ผลักดันให้ กฟผ. มุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมพลังงานอย่างไม่หยุดนิ่ง เพื่อยืนหยัดในหน้าที่ดูแลความมั่นคงระบบไฟฟ้าของประเทศ ให้สามารถเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด และร่วมขับเคลื่อนระบบพลังงานของประเทศไปสู่อนาคตที่สะอาด มั่นคง และยั่งยืน

ข้อมูลจาก The path to cheap power will be very expensive
https://www.reuters.com/business/energy/path-cheap-power-will-be-very-expensive-2025-06-09/?utm_source=chatgpt.com

Skip to content