Unseen EGAT by ENGY ตอน ‘ขุมพลัง’ ขับเคลื่อนความมั่นคงพลังงาน
29 May 2024
ขณะที่ประเทศไทยกำลังเร่งหานวัตกรรมที่จะช่วยให้พลังงานหมุนเวียนมีศักยภาพเพียงพอที่จะพึ่งพาเป็นพลังงานหลักเพื่อขับเคลื่อนประเทศไปสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน เราจึงปฏิเสธไม่ได้ว่า ณ ช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนผ่านนี้ พลังงานจากฟอสซิลยังคงเป็น “ขุมพลังงาน” สำคัญที่จะมองข้ามไปไม่ได้ การจัดหาเชื้อเพลิงให้เพียงพอต่อการผลิตไฟฟ้าจึงเป็นสิ่งสำคัญที่อยู่เบื้องหลังระบบไฟฟ้าที่มั่นคงของประเทศ
เลือกใช้เชื้อเพลิงต้องมองอย่างรอบด้าน
การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ในฐานะหน่วยงานหลักในการผลิตไฟฟ้า ดูแลความมั่นคงด้านพลังงานให้กับประเทศ มีการบริหารจัดการด้านเชื้อเพลิงภายใต้บริบทต่างๆ โดยพิจารณาอย่างรอบด้าน เพื่อให้สัดส่วนการใช้เชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้าในระบบของ กฟผ. มีความหลากหลาย ทั้งก๊าซธรรมชาติ ถ่านหิน พลังงานหมุนเวียน น้ำมัน และอื่นๆ โดยสิ่งที่ต้องพิจารณาในการเลือกใช้เชื้อเพลิง ได้แก่ ต้องมีราคาที่เหมาะสม เชื้อเพลิงและที่ตั้งของโรงไฟฟ้าต้องมีความเหมาะสม เพื่อให้การขนส่งเชื้อเพลิงมีความสะดวกและเข้าถึงโรงไฟฟ้าได้ง่าย ,เทคโนโลยีการผลิตที่มีประสิทธิภาพสูง ใช้เชื้อเพลิงน้อยแต่ให้ค่าพลังงานสูง ตลอดจนคำนึงถึงผลกระทบสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ เพื่อให้ประชาชนมีไฟฟ้าใช้อย่างเพียงพอ มีคุณภาพที่ดี มีราคาที่เหมาะสมเป็นธรรม ควบคู่ไปกับมีสิ่งแวดล้อมที่ดี
‘ก๊าซธรรมชาติ’ ยืนหนึ่งเพื่อความมั่นคงพลังงาน
กว่าร้อยละ 60 ของการผลิตไฟฟ้าในประเทศ ยังคงใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง ก๊าซธรรมชาติที่เราใช้อยู่ทุกวันนี้ มาจากอ่าวไทย แหล่งพัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย (JDA – A18) แหล่งก๊าซเมียนมา ที่ส่งมาประเทศไทยผ่านทางท่อส่งก๊าซ ก๊าซธรรมชาติบนบกจากแหล่งน้ำพองและสินภูฮ่อม รวมถึงการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) จากต่างประเทศ ผ่านทางเรือ ซึ่ง กฟผ. ได้รับใบอนุญาตเป็น Shipper รายที่ 2 ของประเทศ นำเข้า LNG ทำให้สามารถช่วยลดต้นทุนเชื้อเพลิงการผลิตไฟฟ้าได้บางส่วน ปัจจุบัน กฟผ. มีการนำเข้า LNG สัญญาระยะสั้น ในปริมาณไม่เกิน 1.2 ล้านตันต่อปี ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2566-2570 เพื่อนำไปใช้ที่โรงไฟฟ้าบางปะกง ชุดที่ 1 และสำหรับโรงไฟฟ้าพระนครใต้ พระนครเหนือ วังน้อย จะนะ น้ำพอง และบางปะกงชุดอื่นๆ กฟผ. ได้ทำสัญญาซื้อขายก๊าซฯระยะยาว กับ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ทำให้มีเชื้อเพลิงเพียงพอในการผลิตไฟฟ้าได้อย่างต่อเนื่องมั่นคง นอกจากนี้ กฟผ. ยังได้สำรองน้ำมันดีเซลไว้รองรับสถานการณ์ฉุกเฉิน หากไม่สามารถเดินเครื่องด้วยก๊าซธรรมชาติได้


‘ถ่านหิน’ ฮีโร่ข้ามผ่านวิกฤตพลังงาน
“ถ่านหิน” อีกหนึ่งเชื้อเพลิงที่สำคัญ เพราะประเทศไทยยังพึ่งพาการใช้ถ่านหินประมาณร้อยละ 15 ของการผลิตไฟฟ้าของประเทศ ด้วยเป็นเชื้อเพลิงที่มีต้นทุนต่ำ และสามารถจัดหาได้ในประเทศ ถ่านหินจึงเป็นฮีโร่สำคัญที่ช่วยพยุงราคาค่าไฟให้ประชาชน โดยเฉพาะในช่วงวิกฤตราคาพลังงานที่ทั่วโลกได้รับผลกระทบจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ราคาก๊าซธรรมชาติและน้ำมันพุ่งสูง เป็นอีกครั้งที่ถ่านหินช่วยพาประเทศไทยข้ามผ่านวิกฤตพลังงาน กฟผ. ได้ชุบชีวิตปรับปรุงโรงไฟฟ้าแม่เมาะ เครื่องที่ 4 ที่ปลดออกจากระบบผลิตไฟฟ้าให้กลับมาเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าอีกครั้ง และเลื่อนการปลดโรงไฟฟ้าแม่เมาะ เครื่องที่ 8 ออกไป เพื่อรวมพลังกันผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงราคาต่ำ ทำให้ลดการนำเข้าเชื้อเพลิง LNG ราคาแพงจากต่างประเทศ ช่วยบรรเทาภาระค่าไฟฟ้าของประชาชน โดยปัจจุบันโรงไฟฟ้าแม่เมาะ จังหวัดลำปาง ซึ่งใช้ลิกไนต์จากเหมืองแม่เมาะเป็นเชื้อเพลิง ได้มีการพัฒนานำเทคโนโลยีผลิตไฟฟ้าที่ทันสมัย มีมาตรการตรวจสอบและดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างรอบด้าน จึงทำให้โรงไฟฟ้าแม่เมาะสามารถผลิตไฟฟ้าได้อย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม


แสวงหาเชื้อเพลิงแห่งอนาคตเพื่อความยั่งยืน
กฟผ. ยังได้ศึกษาเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้าพลังงานสะอาดในรูปแบบใหม่ๆ เพื่อเป็นขุมพลังงานในอนาคต “ไฮโดรเจน” เป็นหนึ่งในพลังงานทางเลือกที่สามารถผลิตหรือสังเคราะห์ได้จากวัตถุดิบตามธรรมชาติที่หลากหลาย เมื่อเกิดการเผาไหม้ จะได้เป็นน้ำและออกซิเจน จึงเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ทำให้ประเทศสามารถเข้าสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (carbon neutrality) และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (Net Zero) ได้ตามเป้าหมาย กฟผ. ได้พัฒนา‘ไฮโดรเจนสีเขียว’จากพลังลมผ่านกระบวนการแยกน้ำด้วยไฟฟ้า (Electrolysis) เพื่อนำไปใช้ผลิตไฟฟ้าผ่าน Fuel Cell ในช่วงเวลาที่เหมาะสม ตลอดจนศึกษา ‘ไฮโดรเจนสีน้ำเงิน’ ที่ผลิตได้จากถ่านหินที่นำมาแปรสภาพเป็นก๊าซด้วยวิธี Coal Gasification ควบคู่การใช้เทคโนโลยีดักจับ ใช้ประโยชน์ และกักเก็บคาร์บอน (Carbon Capture, Utilization & Storage: CCUS) เพื่อให้ได้เชื้อเพลิงไฮโดรเจนที่สะอาด โดยมีแผนนำไฮโดรเจนไปผสมกับก๊าซธรรมชาติ เพื่อเพิ่มทางเลือกในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในภาคการผลิตไฟฟ้าในอนาคต นอกจากนี้ยังได้ศึกษาและเตรียมโครงสร้างพื้นฐาน สำหรับการพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ขนาดเล็ก (Small Modular Reactor: SMR) ซึ่งเป็นหนึ่งในพลังงานสะอาดที่น่าสนใจ และมีศักยภาพเพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงานในอนาคต


การบริหารจัดการเชื้อเพลิงเพื่อให้เป็น “ขุมพลัง” สร้างความมั่นคงทางพลังงาน นับเป็นโจทย์ใหญ่ที่ กฟผ. ให้ความสำคัญ ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าการดูแล ‘โรงไฟฟ้า’ ให้มีความพร้อมเดินเครื่องจ่ายไฟรองรับความต้องการใช้ไฟฟ้าให้เพียงพอตลอดเวลา และ ‘ระบบส่งไฟฟ้า’ ที่เปรียบเสมือนเส้นเลือดใหญ่ ให้สามารถส่งจ่ายไฟฟ้าให้ประชาชนเข้าถึงสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานได้อย่างทั่วถึง ทั้งหมดนี้ก็เพื่อให้ “พลังงานไฟฟ้า” ได้เป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ขับเคลื่อนการดำเนินชีวิต สร้างความสุขของทุกคน