Unseen EGAT ตอน ตามติดชีวิต ผู้รักษาความมั่นคงปลอดภัยเขื่อน กฟผ.

10 August 2022

ผู้รักษาความมั่นคงปลอดภัยเขื่อน คือ หนึ่งในเบื้องหลังสนับสนุนภารกิจสร้างความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศไทย ที่ทำหน้าที่เฝ้าระวัง ตรวจวัด ติดตามและบำรุงรักษาเขื่อน เป็นประจำอยู่ทุกวัน ทุกสัปดาห์ ทุกเดือน ของเขื่อน กฟผ. ทั่วประเทศ เพราะเขื่อนเป็นสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ ซึ่งไม่ได้เพียงแต่เก็บกักน้ำเพื่อใช้ประโยชน์ ด้านชลประทาน การเกษตรกรรม อุปโภค บริโภค รักษาระบบนิเวศเท่านั้น แต่ยังเป็นแหล่งพลังงานไฟฟ้าจากน้ำ ซึ่งเป็นผลพลอยได้จากการระบายน้ำของเขื่อนอีกด้วย จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องสร้างความอุ่นใจในด้านความมั่นคง แข็งแรง และปลอดภัยของเขื่อนให้กับประชาชนโดยรอบ ผ่านกระบวนการตรวจเขื่อน วันนี้เอนจี้จึงได้รับโอกาสเจาะลึกกระบวนการตรวจเขื่อนทุกขั้นตอน ผ่านการทำงานของผู้รักษาความมั่นคงปลอดภัยเขื่อน ตามไปดูกันเลย

ทุกเช้าในขณะที่หลายๆคนเริ่มประกอบกิจวัตรประจำวัน ทีมผู้รักษาความมั่นคงปลอดภัยเขื่อน ต้องตื่นเช้าตั้งแต่ไก่โห่มุ่งหน้าขึ้นสันเขื่อน เพื่อตรวจวัดค่าอุตุนิยมวิทยาและอุทกวิทยา เริ่มตั้งแต่วัดอุณหภูมิสูงต่ำ วัดค่าการระเหยของน้ำ วัดปริมาณน้ำฝน วัดความชื้นสัมพัทธ์ วัดระดับน้ำ อ่านดูแล้วเหมือนเป็นภารกิจที่ไม่ได้ยุ่งยากอะไร แต่หารู้ไม่ว่าข้อมูลเหล่านี้สำคัญกับชีวิตประชาชนเป็นอย่างมาก เพราะทีมผู้รักษาความมั่นคงปลอดภัยเขื่อน จะต้องนำข้อมูลไปคำนวณปริมาณน้ำเข้า-ออกในอ่างเก็บน้ำ เพื่อใช้สำหรับบริหารจัดการรองรับสถานการณ์น้ำหลาก-น้ำแล้ง หากพบว่า น้ำเข้าเขื่อนมีปริมาณมาก และมีฝนตกหนัก อาจสร้างผลกระทบต่อความมั่นคงปลอดภัยของเขื่อนและเกิดน้ำท่วมไปถึงบ้านเรือนของประชาชนได้ ซึ่งนี่เป็นเพียงภารกิจแรกที่ผู้รักษาความมั่นคงปลอดภัยเขื่อนต้องทำเป็นประจำทุกวันไม่มีวันหยุด

ในทุกๆ สัปดาห์ ทีมผู้รักษาความมั่นคงปลอดภัยเขื่อน จะมีภารกิจเข้าอุโมงค์ตรวจสอบความมั่นคงเขื่อน ซึ่งไม่ใช่อุโมงค์ที่ใครๆก็สามารถเข้าได้ เพราะในอุโมงค์นี้เป็นพื้นที่อับอากาศ ผู้ที่จะเข้าไปต้องผ่านการอบรมการทำงานในที่อับอากาศมาแล้วเท่านั้น และยังต้องมีการวัดค่าออกซิเจนในอากาศให้อยู่ในเกณฑ์ที่กำหนดเพื่อความปลอดภัยของผู้ปฏิบัติงานก่อนทุกครั้ง จึงจะสามารถเข้าทำงานได้ ส่วนความกว้างของอุโมงค์ตรวจสอบความมั่นคงเขื่อน แต่ละเขื่อนมีความกว้างไม่เท่ากัน เช่น อุโมงค์ที่เขื่อนศรีนครินทร์ เขื่อนที่เก็บกักน้ำได้มากที่สุดของประเทศไทย มีความกว้างของรากฐานกว่า 586 เมตรหรือเทียบได้กับกำแพงเมืองจีนซ้อนกันมากกว่า 150 ชั้น ทำหน้าที่คั่นกลางระหว่างเหนือน้ำและท้ายน้ำในอ่างเก็บน้ำเขื่อน ทีมผู้รักษาความมั่นคงปลอดภัยเขื่อน จะต้องเข้าตรวจสอบสำรวจสภาพคอนกรีตของอุโมงค์ด้วยสายตา โดยลงบันไดชันที่มีความสูงราว ตึก 15 ชั้น และลงบันไดเวียนอีกมากกว่า 250 ขั้น ภายใต้ความมืดที่อาศัยแสงสว่างจากไฟฉายและโคมไฟเล็กๆในอุโมงค์เท่านั้น แต่ด้วยความชำนาญของทีมผู้รักษาความมั่นคงปลอดภัยเขื่อน ความท้าทายดังกล่าว จึงไม่เป็นอุปสรรคใดๆ ต่อการหาร่องรอยและสำรวจสภาพคอนกรีตในอุโมงค์ ซึ่งหากพบความผิดปกติเล็กๆน้อยๆ จะต้องรีบดำเนินการแก้ไขโดยทันที

สำหรับการเข้าไปภายในอุโมงค์ ยังมีภารกิจสำคัญที่ต้องตรวจสอบความมั่นคงเขื่อนด้วยเครื่องมือต่างๆ เช่น วัดแรงดันน้ำ เพื่อติดตามแรงดันน้ำในฐานรากเขื่อน ตรวจวัดอัตราการไหลซึมของน้ำผ่านตัวเขื่อน และตรวจวัดระดับน้ำใต้ดิน ให้มีค่าวัดอยู่ในเกณฑ์ปกติตลอด หากพบค่าบวก/ลบที่ผิดปกติ ทีมผู้รักษาความมั่นคงปลอดภัยเขื่อน จะไม่นิ่งนอนใจและจะต้องเข้าตรวจสอบสาเหตุและซ่อมแซม เพื่อรักษาสภาพของตัวเขื่อนให้มีความมั่นคงปลอดภัยอยู่เสมอ

ไม่เพียงเท่านั้น ตัวเขื่อนที่สร้างขึ้นมาทำหน้าที่กั้นน้ำจำนวนมหาศาลจนเกิดเป็นอ่างเก็บน้ำ ต้องรองรับแรงดันที่เกิดจากน้ำเหล่านั้น จึงมีโอกาสเป็นไปได้ที่จะเกิดการทรุดตัวและเคลื่อนตัวจากแรงดันน้ำ แต่การทรุดตัวและเคลื่อนตัวนั้น ต้องอยู่ในเกณฑ์ที่ออกแบบไว้ก่อนการสร้างเขื่อน ดังนั้น ทีมผู้รักษาความมั่นคงปลอดภัยเขื่อน จึงต้องติดตามและคอยตรวจเช็คการทรุดตัวและเคลื่อนตัวของตัวเขื่อน ทุกๆ 3 เดือน เพื่อยืนยันว่าเขื่อนยังมีความมั่นคงแข็งแรงอยู่เสมอ

เขื่อนศรีนครินทร์ประจำปี 2563

การตรวจเขื่อนไม่เพียงแค่นำเครื่องมือวัดมาใช้ ยังต้องเดินสำรวจสันเขื่อนที่เป็นแนวหินเสริมความแข็งแรงทีละก้อนด้วยสายตาและความชำนาญสูง เพราะมีความลาดชันและสูงกว่า 140 เมตร เพื่อตรวจสอบการทรุดตัวของแนวหินทิ้งลาดท้ายเขื่อนและสิ่งผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นกับแนวหินทิ้งทั้งหมด

การระบายน้ำ เพื่อใช้ประโยชน์ในด้านต่างๆจะต้องเป็นน้ำที่ปราศจากขยะและสวะ จึงได้มีการจัดทำทุ่นลอยน้ำพร้อมตะแกรงกันขยะใต้น้ำ เพื่อคอยทำหน้าที่กั้นขยะบริเวณเหนือน้ำก่อนที่น้ำจะไหลเข้าสู่ท่อส่งน้ำ ทีมผู้รักษาความมั่นคงปลอดภัยเขื่อน ต้องคอยดูแลทุ่นลอยน้ำดังกล่าวให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ พร้อมทั้งคอยเก็บขยะและสวะอยู่เป็นประจำทุกๆสัปดาห์ อีกทั้งทีมผู้รักษาความมั่นคงปลอดภัยต้องสำรวจอ่างเก็บน้ำอยู่เสมอ เพื่อสังเกตการรุกล้ำของสิ่งก่อสร้างถาวรในพื้นที่รอบอ่างเก็บน้ำ หากพบสิ่งก่อสร้างถาวรที่รุกล้ำ ต้องมีการส่งจดหมายแจ้งเตือนให้ผู้บุกรุกรับทราบทันที เพื่อป้องกันผลกระทบต่ออ่างเก็บน้ำ ความมั่นคงปลอดภัยเขื่อนและสิ่งแวดล้อม

หลังจากที่เอนจี้ได้ตามติดชีวิตผู้รักษาความมั่นคงปลอดภัยเขื่อนแล้ว เห็นได้ชัดว่า ภารกิจของผู้รักษาความมั่นคงปลอดภัยเขื่อน ล้วนแล้วแต่ใช้ประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญ เป็นปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนงาน โดย ทีมผู้รักษาความมั่นคงปลอดภัยเขื่อน ยังบอกเอนจี้อีกว่า พวกเขายังคงมุ่งมั่นในการดูแลและบำรุงรักษาเขื่อนทุกเขื่อนของ กฟผ. ทั่วทั้งประเทศไทยให้มีความมั่นคง ปลอดภัย เพื่อคอยเป็นเบื้องหลังในการผลิตไฟฟ้าสร้างความสุขและอยู่เคียงข้างสังคมไทยตลอดไป สำหรับวันนี้เอนจี้ขอตัวลาไปก่อน รอติดตามชมเรื่องราวเจาะลึกจากเอนจี้ได้ใหม่ในครั้งหน้า

Skip to content