บทเรียนจากยุโรป หนทางสู่พลังงานราคาถูก ที่ต้องแลกมาด้วยต้นทุนมหาศาล
บทเรียนจากยุโรป หนทางสู่พลังงานราคาถูก ที่ต้องแลกมาด้วยต้นทุนมหาศาล ในยุคที่การเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดเป็นวาระสำคัญของนานาประเทศ หลายภาคส่วนคาดหวังว่าการลงทุนในพลังงานหมุนเวียน เช่น แสงอาทิตย์และลม จะช่วยลดต้นทุนด้านพลังงานในระยะยาว แต่ความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในหลายภูมิภาค โดยเฉพาะในทวีปยุโรป ได้สะท้อนให้เห็นว่าหนทางสู่พลังงานราคาถูกนั้น ไม่ได้ราบรื่นอย่างที่คาดหวัง แต่กลับเต็มไปด้วยความท้าทายและภาระค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล การเติบโตของพลังงานหมุนเวียน ในช่วงปี พ.ศ. 2565-2567 สหภาพยุโรปได้เพิ่มกำลังผลิตจากพลังงานหมุนเวียนอย่างต่อเนื่อง โดยเป็นกำลังผลิตจากพลังงานแสงอาทิตย์มากถึง 168 กิกะวัตต์ และพลังงานลมอีก 44 กิกะวัตต์ ส่งผลให้สัดส่วนพลังงานหมุนเวียนเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 34 ในปี 2562 เป็นร้อยละ 47 ในปี 2567 ความสำเร็จในครั้งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของยุโรปในการลดการพึ่งพาพลังงานฟอสซิล เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ความล่าช้าของการพัฒนาโครงข่ายไฟฟ้า แม้พลังงานหมุนเวียนจะเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่ระบบโครงข่ายไฟฟ้าที่ทำหน้าที่ส่งจ่ายไฟฟ้ากลับพัฒนาไม่ทัน ส่งผลให้ระบบไฟฟ้าไม่มีความเสถียรเพียงพอเมื่อพลังงานจากแสงอาทิตย์และลมเข้ามาแทนที่โรงไฟฟ้าแบบดั้งเดิม ยิ่งไปกว่านั้น สายส่งไฟฟ้าแรงดันต่ำกว่าครึ่งในยุโรปจะมีอายุมากกว่า 40 ปีภายในปี 2573 ซึ่งถือว่าใกล้หมดอายุการใช้งาน ทบวงการพลังงานระหว่างประเทศ (International Energy Agency: IEA) รายงานว่า แม้การลงทุนพัฒนาโครงข่ายไฟฟ้าทั่วโลกจะสูงถึง 390 พันล้านดอลลาร์ในปี 2567 และมีแนวโน้มทะลุ […]