โรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบสูบกลับเขื่อนจุฬาภรณ์ แบตเตอรี่ขนาดยักษ์ของไทยเพื่อพลังงานมั่นคงและโลกที่ยั่งยืน
โรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบสูบกลับเขื่อนจุฬาภรณ์ แบตเตอรี่ขนาดยักษ์ของไทยเพื่อพลังงานมั่นคงและโลกที่ยั่งยืน การเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดเป็นโจทย์สำคัญของโลก ประเทศต่างๆ กำลังเร่งปรับตัวเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและสนับสนุนพลังงานหมุนเวียน แต่ความท้าทายสำคัญ คือ ความไม่สม่ำเสมอของพลังงานหมุนเวียน ที่พลังงานแสงอาทิตย์สามารถผลิตไฟฟ้าได้เฉพาะช่วงกลางวัน หรือช่วงที่ความเข้มแสงเพียงพอ ขณะที่พลังงานลมก็ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ ทำให้เกิดความจำเป็นในการสร้างระบบกักเก็บพลังงานที่สามารถสำรองไฟฟ้าเพื่อจ่ายไฟฟ้าได้ทันทีเมื่อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนหายไป หรือเมื่อความต้องการไฟฟ้าสูง โรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบสูบกลับ (Pumped Storage Hydropower Plant : PSH) จึงเข้ามามีบทบาทสำคัญ ทั้งในการกักเก็บและผลิตพลังงานไฟฟ้า ช่วยรักษาเสถียรภาพของระบบไฟฟ้า สนับสนุนให้การเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบพลังงานที่ยั่งยืนและเชื่อถือได้มากขึ้น เดินหน้านวัตกรรมพลังงานรองรับพลังงานหมุนเวียน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) มีภารกิจหลักในการสร้างความมั่นคงด้านพลังงานไฟฟ้าให้กับประเทศ ได้ผลักดันโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบสูบกลับ เพื่อเป็นหนึ่งในโครงการตามในแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศที่อยู่ระหว่างการร่างแผนใหม่ เพื่อเสริมความมั่นคงระบบไฟฟ้าของไทยให้สามารถจ่ายไฟฟ้าได้ต่อเนื่อง แม้ในช่วงที่แสงอาทิตย์และลมไม่เพียงพอในช่วงเวลาที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูง น้ำจะถูกปล่อยลงผ่านกังหันผลิตไฟฟ้า เพื่อผลิตไฟฟ้าเข้าสู่ระบบ ภายในระยะเวลาไม่เกิน 15 นาที และในช่วงเวลาที่ความต้องการไฟฟ้าต่ำหรือมีไฟฟ้าส่วนเกินจากพลังงานหมุนเวียน โรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบสูบกลับจะสูบน้ำจากอ่างเก็บน้ำด้านล่างขึ้นไปยังอ่างเก็บน้ำด้านบน โรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบสูบกลับจึงเป็นเสมือนแบตเตอรี่ ที่สามารถเก็บพลังงานไฟฟ้าไว้ใช้ตามความต้องการเหมือนการชาร์จและคายประจุของแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ โดยแบตเตอรี่พลังน้ำนี้มีอายุการใช้งานยาวนาน สามารถผลิตไฟฟ้าได้ในปริมาณมาก และมีต้นทุนต่อหน่วยต่ำกว่าระบบกับเก็บพลังงาน (ESS) ชนิดอื่น ก้าวใหม่ของแบตเตอรี่พลังงานสะอาดที่เขื่อนจุฬาภรณ์ ปัจจุบันในประเทศไทย มีโรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบสูบกลับแล้ว จำนวน 3 แห่ง ได้แก่ เขื่อนศรีนครินทร์ จังหวัดกาญจนบุรี […]