ความเป็นมาโครงการพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังน้ำท้ายเขื่อนชลประทาน
การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้เห็นความสำคัญในการผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานหมุนเวียน เช่น พลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานน้ำ ซึ่งเป็นพลังงานสะอาดที่มีอยู่ตามธรรมชาติ เกิดใหม่ทดแทนได้อีก และช่วยลดการผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงฟอสซิล (น้ำมัน ก๊าซ ถ่านหิน)
ในประเทศไทยยังมีศักยภาพด้านพลังงานหมุนเวียนอยู่เป็นจำนวนมาก ประกอบกับ กฟผ. ให้ความสำคัญต่อการอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จึงมีการศึกษาและการดำเนินการโครงการกลไกการพัฒนาที่สะอาด (Clean Development Mechanism : CDM) เพื่อกำจัดและลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอันเป็นสาเหตุของภาวะโลกร้อน และสอดคล้องกับการปฏิบัติตามพันธกรณในพิธีสารเกียวโต (Kyoto Protocol) โดย กฟผ. ได้ประกาศเป็นนโยบายเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2550 และแนวทางการปฏิบัติการดำเนินงานโครงการกลไกการพัฒนาที่สะอาดเพื่อลดก๊าซเรือนกระจกในกิจกรรมของ กฟผ. ได้ประกาศใช้เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2550
โครงการพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังน้ำท้ายเขื่อนชลประทาน เป็นโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน โดยใช้พลังน้ำในการผลิตไฟฟ้าซึ่งมีต้นทุนการผลิตถูกกว่าการผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานหมุนเวียนชนิดอื่น เป็นการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ณ บริเวณท้ายเขื่อนของกรมชลประทานที่มีอยู่แล้ว จึงไม่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และชุมชนรอบโรงไฟฟ้า การผลิตไฟฟ้าจะผลิตไฟฟ้าเมื่อกรมชลประทานระบายน้ำลงสู่ท้ายน้ำตามแผนการปล่อยน้ำตามปกติของกรมชลประทาน จึงไม่มีผลกระทบต่อผู้ใช้น้ำทั้งน้ำเหนือ และท้ายน้ำ โดย กฟผ. และกรมชลประทานได้มีการลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) ในการพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังน้ำท้ายเขื่อนชลประทานเมื่อวันที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2550 ปัจจุบันได้ดำเนินการพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังน้ำท้ายเขื่อนชลประทานแล้วจำนวนทั้งสิ้น 3 ระยะ ได้แก่
ระยะที่ 1 จำนวน 6 เขื่อน ประกอบด้วย เขื่อนเจ้าพระยา เขื่อนนเรศวร เขื่อนแม่กลอง เขื่อนขุนด่านปราการชล เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ และเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน กำลังผลิตรวม 78.70 เมกะวัตต์
ระยะที่ 2 จำนวน 3 เขื่อน ประกอบด้วย เขื่อนกิ่วคอหมา เขื่อนคลองตรอน และท้ายเขื่อนจุฬาภรณ์ (เป็นเขื่อนในความดูแลของ กฟผ.) กำลังผลิตรวม 9.25 เมกะวัตต์ โดยคณะรัฐมนตรีได้มีการอนุมัติโครงการไปเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2554
เขื่อน | กำลังผลิต (เมกะวัตต์) | กำหนดจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ |
---|---|---|
เขื่อนกิ่วคอหมา | 5.50 | 9 เมษายน 2561 |
เขื่อนคลองตรอน | 2.50 | 16 ธันวาคม 2563 |
ท้ายเขื่อนจุฬาภรณ์ | 1.25 | 29 พฤศจิกายน 2562 |
ระยะที่ 3 จำนวน 1 เขื่อน คือ เขื่อนผาจุก กำลังผลิต 14 เมกะวัตต์ จ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2565
สำหรับโครงการระยะที่ 4 กฟผ. ได้ศึกษาความเหมาะสมโครงการเพื่อเตรียมความพร้อมในการขออนุมัติพัฒนาโครงการในปี 2565-2566 ตามแผน PDP2018 Rev.1 จำนวน 4 โครงการ ดังนี้
เขื่อน | กำลังผลิต (เมกะวัตต์) | ประมาณการแล้วเสร็จ |
---|---|---|
โรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนลำตะคอง จ.นครราชสีมา | 1.50 | 2568 |
โรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนลำปาว จ.กาฬสินธุ์ | 2.50 | 2568 |
โรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนห้วยแม่ท้อ จ.ตาก | 1.25 | 2569 |
โรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนกระเสียว จ.สุพรรณบุรี | 1.50 | 2569 |
ประโยชน์ที่ได้รับจากโครงการ
- เพิ่มความมั่นคงให้กับระบบไฟฟ้าในเขตอำเภอและพื้นที่ใกล้เคียง โดยประชาชนในพื้นที่ยังคงได้รับน้ำเพื่อการชลประทานในปริมาณเท่าเดิม
- องค์การบริหารท้องถิ่นมีรายได้จากภาษีอากร สามารถนำไปพัฒนาท้องถิ่น
- เกิดการจ้างแรงงานในท้องถิ่นในช่วงก่อสร้างโครงการ
- ประหยัดการนำเข้าเชื้อเพลิงราคาแพงจากต่างประเทศได้
- ลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ทำให้โลกร้อน
- สมทบเงินเข้ากองทุนพัฒนาชุมชนในเขตพื้นที่รอบโรงไฟฟ้า เพื่อนำไปใช้พัฒนาอาชีพ การศึกษา ศาสนา กีฬา สาธารณสุข แก่ชุมชนรอบโรงไฟฟ้า
- เพิ่มศักยภาพด้านการท่องเที่ยวให้แก่เขื่อน และท้องถิ่นใกล้เคียง