โรงไฟฟ้ากระบี่ จ.กระบี่

จากการสำรวจค้นพบถ่านหินลิกไนต์ในภาคใต้ที่ จ.กระบี่ เป็นการจุดประกายแสงสว่างการพึ่งพาพลังงานในพื้นที่มาใช้เป็นเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้า นำไปสู่การก่อสร้างโรงไฟฟ้ากระบี่ หรือเดิมชื่อ “โรงไฟฟ้าลิกไนต์กระบี่”           โรงไฟฟ้าลิกไนต์กระบี่ เป็นโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนที่ใช้ถ่านหินลิกไนต์เป็นเชื้อเพลิงแห่งแรกและแห่งเดียวของภาคใต้ มีขนาดกำลังผลิตรวม 60 เมกะวัตต์จำนวน 3 เครื่อง เริ่มจ่ายกระแสไฟฟ้าได้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2507 ช่วยหล่อเลี้ยงการใช้ไฟในภาคใต้ตอนล่างจวบจนโรงไฟฟ้าหมดวาระการใช้งานจึงปลดออกจากระบบเมื่อวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2538 รวมอายุการใช้งาน 31 ปี                     โรงไฟฟ้ากระบี่แห่งใหม่ได้ถูกสร้างขึ้นในพื้นที่เดิม เมื่อวันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2540 สามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ ในปี พ.ศ. 2547 เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงในระบบไฟฟ้าของภาคใต้           ปัจจุบันโรงไฟฟ้ากระบี่ได้ปรับปรุงกระบวนการผลิตให้สามารถใช้เชื้อเพลิงน้ำมันปาล์มร่วมกับน้ำมันเตาเพื่อสนองนโยบายรัฐบาล ช่วยพยุงราคาน้ำมันปาล์มตกต่ำ แต่จะดำเนินการเมื่อได้รับคำสั่งการจากรัฐบาลเท่านั้น ปัจจุบันโรงไฟฟ้ากระบี่ มีกำลังผลิตตามสัญญารวม 315 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าชนิด “Reserved Shutdown” มีหน้าที่เสริมความมั่นคงของระบบไฟฟ้า

Rapheephat Toumsaeng

25 November 2022

โรงไฟฟ้าพระนครใต้ จ.สมุทรปราการ

ในยุคแรกเริ่มของการพัฒนาระบบผลิตไฟฟ้าที่ กฟผ. ก็อยู่ในยุคเริ่มต้นรับผิดชอบภารกิจนี้เป็นเวลาเดียวกับที่ประเทศไทยกำลังเดินหน้ามุ่งกระจายการพัฒนาด้านต่างๆจากเมืองไปยังท้องถิ่น โดยรัฐบาลพยายามย้ายเขตอุตสาหกรรมออกจากเขตกรุงเทพฯ ไปสู่ชานเมืองและภูมิภาค           โรงไฟฟ้าพระนครใต้เป็นตัวอย่างของแหล่งผลิตไฟฟ้าที่ดีในการตอบสนองการใช้ไฟฟ้าของภาคอุตสาหกรรมหนักต่างๆในเขตตอนใต้ของกรุงเทพฯ เช่น โรงงานแบตเตอรี่ โรงงานประกอบรถยนต์ โรงงานแปรรูปอาหารสัตว์ ฯลฯ และยังช่วยลดปัญหาไฟฟ้าตกไฟดับอีกด้วย                     โรงไฟฟ้าพระนครใต้ก่อสร้างขึ้นตามนโยบายแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2510-2514) เริ่มก่อสร้างใน พ.ศ. 2510 แล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2513 มีขนาดกำลังผลิต 1,330 เมกะวัตต์ ใช้น้ำมันเตาเป็นเชื้อเพลิง และได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จพระราชดำเนินไปทรงประกอบพิธีเปิดโรงไฟฟ้าเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2515           ปัจจุบันโรงไฟฟ้าพระนครใต้ เป็นโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมที่ใช้ก๊าซธรรมชาติจากอ่าวไทยและแหล่งในประเทศเมียนมาร์ เพื่อให้โรงไฟฟ้าใหม่เป็นมิตรกับชุมชน และสิ่งแวดล้อม ปัจจุบันโรงไฟฟ้าพระนครใต้ มีกำลังผลิตตามสัญญารวม 1,930 เมกะวัตต์

Rapheephat Toumsaeng

25 November 2022

เขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท

เขื่อนเจ้าพระยา เป็นเขื่อนทดน้ำขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นเป็นแห่งแรกของประเทศไทย ตั้งอยู่ที่บริเวณคุ้งบางกระเบียน หมู่ที่ 4 ต.บางหลวง อ.สรรพยา จ.ชัยนาท พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ได้เสด็จพระราชดำเนินเปิดเขื่อนเจ้าพระยา เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2500

Rapheephat Toumsaeng

24 November 2022

โรงไฟฟ้าพระนครเหนือ จ.นนทบุรี

ภารกิจสำคัญของรัฐบาลในยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 คือการพัฒนาและฟื้นฟูประเทศอย่างเร่งด่วน ไฟฟ้าจึงเป็นปัจจัยหลักสำคัญอย่างหนึ่งที่จะเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว           รัฐบาลได้มอบหมายให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือ กฟผ. ทำการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพระนครเหนือขนาดกำลังผลิต 75 เมกะวัตต์ ในปี พ.ศ. 2502 แล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2505 ด้วยชัยภูมิที่เหมาะสมติดแม่น้ำเจ้าพระยาอยู่ทางตอนเหนือทางกรุงเทพฯ จะทำให้โรงไฟฟ้าแห่งนี้สามารถรองรับการใช้ไฟฟ้าในเขตปริมณฑลและในกรุงเทพฯให้มีความมั่นคงยิ่งขึ้น           โรงไฟฟ้าแห่งนี้จึงเปรียบเสมือน “โรงครู” อันเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาไฟฟ้าที่ทันสมัยของประเทศไทยในยุคนั้น หลังจากมีการใช้งานมากว่า 40 ปี กฟผ. ได้วางแผนก่อสร้างโรงไฟฟ้าพระนครเหนือใหม่ภายในพื้นที่เดิมอีก 2 ชุด ได้แก่ โรงไฟฟ้าพระนครเหนือ ชุดที่ 1 ในปี พ.ศ. 2553 และ ชุดที่ 2 ในปี พ.ศ. 2559 ตามลำดับโดยใช้แหล่งก๊าซจากพม่าเป็นเชื้อเพลิง           จุดเด่นของโรงไฟฟ้าพระนครเหนือคือ มีสถานที่ตั้งอยู่ใกล้ศูนย์กลางการใช้ไฟฟ้า จึงช่วยลดการลงทุนด้านระบบส่งไฟฟ้า ลดความสูญเสียในระบบส่ง และลดการเกิดปัญหาไฟตก-ไฟดับ อีกทั้งเป็นโรงไฟฟ้าที่ถูกออกแบบให้สอดรับกลมกลืนกับสภาพแวดล้อมสังคมเมืองก่อให้เกิดทัศนียภาพที่สวยงามอยู่เคียงคู่กับสายน้ำเจ้าพระยาไปอีกนานเท่านาน ปัจจุบันโรงไฟฟ้าพระนครเหนือ มีกำลังผลิตตามสัญญารวม 1,498 เมกะวัตต์

Rapheephat Toumsaeng

15 November 2022

โรงไฟฟ้าบางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา

นับตั้งแต่การค้นพบแหล่งก๊าซธรรมชาติครั้งแรกในอ่าวไทยที่ “แหล่งเอราวัณ” เมื่อ พ.ศ. 2516 เป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาการใช้พลังงานไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติและยังสะท้อนถึงความสำเร็จในการพึ่งพาตนเองด้านพลังงานไทย ช่วยนำพาประเทศไปสู่ยุคโชติช่วงชัชวาลย์ คือที่มาโรงไฟฟ้าแห่งนี้นามว่า “โรงไฟฟ้าบางปะกง”           “โรงไฟฟ้าบางปะกง” ทำการก่อสร้างในปี พ.ศ. 2520 แล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2524 ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้า โดยได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรและสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดโรงไฟฟ้าบางปะกงอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2528  ทำให้การขยายตัวทางเศรษฐกิจในเขตภาคตะวันออกมีความมั่นคงยิ่งขึ้น อีกทั้งยังรองรับนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดอีกด้วย           นอกเหนือจากการพัฒนาพลังงานไฟฟ้าการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยยังให้ความสำคัญในเรื่องการดูแลสิ่งแวดล้อม เนื่องจากโรงไฟฟ้าบางปะกงเป็นโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำบางปะกง อยู่ใกล้แหล่งเลี้ยงปลาในกระชังและแหล่งเพาะพันธุ์สัตว์น้ำที่สำคัญ กฟผ. จึงมีการติดตั้งเครื่องตรวจวัดอุณภูมิน้ำจากโรงไฟฟ้าก่อนปล่อยสู่แหล่งน้ำสาธารณะเพื่อลดผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นกับระบบนิเวศวิทยา ซึ่งเป็นงานที่โรงไฟฟ้าแห่งนี้ให้ความสำคัญควบคู่กับการสร้างความมั่นคงทางพลังงานไฟฟ้ามาโดยตลอด โรงไฟฟ้าบางปะกง ประกอบด้วยโรงไฟฟ้าพลังความร้อน และโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม ปัจจุบันมีกำลังผลิตตามสัญญารวม 3,248 เมกะวัตต์

Rapheephat Toumsaeng

15 November 2022

โรงไฟฟ้าแม่เมาะ จ.ลำปาง

การกระจายสัดส่วนเชื้อเพลิงที่ใช้กับโรงไฟฟ้าเพื่อเพิ่มความสมดุลพลังงานและลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงนำเข้าจากต่างประเทศคือหัวใจสำคัญของแผนการพัฒนาพลังงานไฟฟ้า ซึ่งโรงไฟฟ้าแม่เมาะ อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง นับเป็นตัวอย่างที่ประสบความสำเร็จของ กฟผ. ในการพัฒนาทรัพยากรภายในประเทศมาเป็นเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้า           ด้วยสายพระเนตรยาวไกลของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 เล็งเห็นประโยชน์จากเหมืองแม่เมาะที่จะเกิดขึ้นในอนาคต จึงมีพระบรมราชโองการให้สงวนแหล่งถ่านหินที่มีอยู่ในประเทศ ไว้เพื่อใช้ในทางราชการในปี พ.ศ. 2470 นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณแก่ปวงชนชาวไทย           จากจุดเริ่มต้นในอดีตที่มีการสำรวจแหล่งผลิตถ่านหิน ในปี พ.ศ. 2460 นำไปสู่การขุดเหมืองถ่านหินเพื่อนำลิกไนต์มาใช้ผลิตกระแสไฟฟ้า การทำเคมีภัณฑ์ และใช้เป็นถ่านหุงต้ม เป็นต้น           จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2497 ได้มีการจัดตั้งองค์การพลังงานไฟฟ้าลิกไนท์ เพื่อดำเนินกิจการเหมืองถ่านหิน ทำเหมืองที่แม่เมาะ เพื่อผลิตถ่านลิกไนต์จำหน่ายให้กับกิจการต่างๆ ได้แก่โรงบ่มใบยาสูบ การรถไฟ และโรงงานปูนซีเมนต์ ฯลฯ ภายหลังได้เปลี่ยนชื่อเป็น การลิกไนท์ ต่อมารัฐบาลจึงมีนโยบายที่จะบูรณาการกิจการที่เกี่ยวข้องด้านผลิตไฟฟ้ารวมเป็นหนึ่งเดียว จัดตั้งใหม่ในชื่อ “การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย” เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2512 กอปรกับเพื่อเป็นการพัฒนารองรับการขยายตัวเศรษฐกิจภาคเหนือตอนบน และลดภาระการลงุทนสายส่งไฟฟ้ายาวหลายร้อยกิโลเมตรจากภาคกลาง ทำให้มีการก่อสร้างโรงไฟฟ้าแม่เมาะ 3 หน่วยแรก ขนาด 75 เมกะวัตต์ และสร้างเพิ่มเติมจนครบ 14 หน่วยตามลำดับ โดยได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก […]

Rapheephat Toumsaeng

2 August 2022

โรงไฟฟ้าแม่เมาะ (สังคมสิ่งแวดล้อม)-ver.re

การจัดการด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม การผลิตไฟฟ้าที่ใช้ถ่านหินลิกไนต์เป็นเชื้อเพลิง ในอดีตส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระดับที่เป็นปัญหาต่อชุมชนอยู่มาก ซึ่งไม่เพียงแค่ถ่านหินลิกไนต์เท่านั้น แต่รวมถึงเชื้อเพลิงฟอสซิลทุกประเภท           กฟผ. ตระหนักถึงปัญหาเหล่านี้เป็นอย่างยิ่งและให้ความสำคัญเป็นลำดับแรกในการพัฒนาระบบไฟฟ้าของประเทศ โดยมุ่งแก้ไขปัญหาให้ระบบนิเวศในทุก ๆ พื้นที่แหล่งผลิตไฟฟ้าของ กฟผ. ดีขึ้นภายใต้มาตรฐานสากล ให้ครอบคลุมทุกมิติทั้งคุณภาพน้ำ อากาศ เสียง แรงสั่นสะเทือน และยังเชื่อมต่อระบบรายงานข้อมูลกับกรมควบคุมมลพิษอีกด้วย ในด้านการดูแลสังคมและชุมชน กฟผ.ได้สร้างสรรค์โครงการและกิจกรรมเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจ ด้านความรับผิดชอบต่อสังคมโรงไฟฟ้าแม่เมาะ เพื่อช่วยพัฒนาและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ควบคู่กันไป

Rapheephat Toumsaeng

2 August 2022
1 3 4 5 13
Skip to content